ผู้เขียน

ดูทั้งหมด

บทความ โดย Patricia Raybon

เพิ่มอุณหภูมิ

อุณหภูมิของรัฐโคโรลาโดที่เราอยู่สามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็ภายในไม่กี่นาที แดนสามีของฉันจึงอยากรู้ความแตกต่างของอุณหภูมิในบ้านและรอบๆบ้านเรา เขาชื่นชอบพวกอุปกรณ์ทันสมัย จึงตื่นเต้นเมื่อเปิดกล่อง “ของเล่น” ชิ้นล่าสุด ซึ่งเป็นเทอร์โมมิเตอร์ที่แสดงค่าอุณหภูมิจาก “พื้นที่” สี่จุดรอบบ้าน ถึงจะล้อว่ามันเป็นอุปกรณ์ “ไร้สาระ” แต่ฉันแปลกใจที่พบว่าตัวเองมักจะไปดูอุณหภูมิบ่อยๆ ความแตกต่างของภายในและภายนอกทำให้ฉันสนใจ

พระเยซูทรงใช้อุณหภูมิเพื่ออธิบายถึงคริสตจักรที่ “อุ่นๆ” ในเมืองเลาดีเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดจากทั้งเจ็ดเมืองที่กล่าวถึงในพระธรรมวิวรณ์ เมืองนี้มีทั้งธนาคาร แหล่งเสื้อผ้า และศูนย์กลางการแพทย์ แต่มีข้อเสียเรื่องแหล่งน้ำ จึงจำเป็นต้องมีท่อส่งน้ำมาจากน้ำพุร้อน แต่เมื่อน้ำมาถึงเมืองเลาดีเซีย มันก็ไม่ร้อนและไม่เย็น

คริสตจักรที่นั่นก็อุ่นๆเช่นกัน พระเยซูตรัสว่า “เรารู้จักแนวการกระทำของเจ้า เจ้าไม่เย็นไม่ร้อน เราใคร่ให้เจ้าเย็นหรือร้อน เพราะเหตุที่เจ้าเป็นแต่อุ่นๆ ไม่เย็นและไม่ร้อน เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา” (วว.3:15-16) พระคริสต์ทรงอธิบายว่า “เรารักผู้ใดเราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่” (ข้อ 19)

คำวิงวอนขององค์พระผู้ช่วยให้รอดยังคงเร่งด่วนสำหรับเราเช่นกัน จิตวิญญาณของคุณไม่เย็นและไม่ร้อนหรือไม่ จงยอมรับการแก้ไขจากพระองค์และทูลขอให้ทรงช่วยคุณที่จะดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อที่ลุกโชนและกระตือรือร้น

ผู้รับใช้ยามค่ำคืน

เวลาตีสามในโรงพยาบาลดูแลผู้ป่วยอาการหนัก คนไข้ที่วิตกกังวลคนหนึ่งกดปุ่มเรียกเป็นครั้งที่สี่ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง พยาบาลเวรดึกตอบสนองโดยไม่บ่น ไม่นานคนไข้อีกคนกรีดร้องให้เธอไปดูแล พยาบาลไม่แปลกใจ เธอขอทำเวรดึกมาตั้งแต่ห้าปีที่แล้วเพื่อหลีกเลี่ยงความโกลาหลระหว่างวันในโรงพยาบาล จากนั้นเธอได้พบความจริง การทำงานกะดึกหมายถึงเธอต้องรับหน้าที่มากขึ้น เช่นการยกหรือพลิกตัวผู้ป่วยด้วยตัวเอง และยังหมายถึงการต้องคอยดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเพื่อแจ้งแพทย์ได้ทันในกรณีฉุกเฉิน

แม้จะดีที่สนิทกับเพื่อนร่วมงานเวรดึก แต่พยาบาลคนนี้ยังคงมีปัญหาเรื่องการนอนไม่พอ เธอมักจะขอให้คริสตจักรอธิษฐานเผื่อเพราะเห็นว่างานของเธอสำคัญมาก “สรรเสริญพระเจ้า คำอธิษฐานของพวกเขาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

คำสรรเสริญของเธอนั้นดีและเหมาะสมกับคนทำงานกลางคืน และกับเราทุกคนด้วย ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “มา​เถิด มา​ถวาย​สาธุการ​แด่​พระ​เจ้า บรรดา​ท่าน​ผู้รับ​ใช้​ทั้งสิ้น​ของ​พระ​เจ้า ผู้​ยืน​อยู่​ใน​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า​ใน​กลางคืน จง​ยก​มือ​ของ​ท่าน​ขึ้น​ตรง​ต่อ​สถาน​นมัสการและ​ถวาย​สาธุการ​แด่​พระ​เจ้า” (สดด.134:1-2)

สดุดีบทนี้เขียนขึ้นเพื่อคนเลวีที่รับใช้เป็นคนอยู่ยามกลางคืนในพระวิหาร เพื่อระลึกถึงงานอันสำคัญของพวกเขา คือการปกป้องพระวิหารทั้งกลางวันและกลางคืน ในโลกที่ดำเนินไม่หยุดของเรา ฉันรู้สึกว่าเป็นการดีที่จะแบ่งปันสดุดีบทนี้โดยเฉพาะกับคนทำงานกลางคืน กระนั้นเราทุกคนก็สรรเสริญพระเจ้าในยามค่ำคืนได้ ตามที่ผู้เขียนสดุดีเสริมว่า “ขอ​พระ​เจ้า​ทรง​อำนวย​พระ​พร​ท่าน​จาก​ศิ​โยน คือ​พระ​องค์​ผู้​ทรง​สร้าง​ฟ้า​สวรรค์​และ​แผ่นดิน​โลก​” (ข้อ 3)

ทำให้เป็นเรื่องง่าย

อีเมลนั้นสั้นแต่เร่งด่วน “ต้องการความรอด ผมอยากรู้จักพระเยซู” ช่างเป็นคำขอที่น่าประหลาดใจ คนๆนี้ไม่ต้องการให้โน้มน้าว... ไม่เหมือนกับเพื่อนและครอบครัวที่ยังลังเลไม่เชื่อพระเยซู หน้าที่ของฉันคือหยุดสงสัยตัวเองในเรื่องการประกาศและเพียงแค่แบ่งปันหลักข้อเชื่อที่เป็นหัวใจสำคัญ พระวจนะ และแหล่งข้อมูลที่จะตอบสนองคำร้องขอของชายคนนี้ได้ ด้วยความเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำทางเขาต่อจากนั้น

ฟีลิปได้สาธิตการประกาศอย่างเรียบง่ายในตอนที่ท่านพบนายคลังชาวเอธิโอเปียที่กำลังอ่านออกเสียงจากหนังสืออิสยาห์บนถนนในถิ่นทุรกันดาร ฟีลิปจึงถามว่า “ซึ่งท่านอ่านนั้น ท่านเข้าใจหรือ” (กจ.8:30) ชายนั้นตอบว่า “ถ้าไม่มีใครอธิบายให้ ที่ไหนจะเข้าใจได้” (ข้อ 31) เมื่อถูกเชื้อเชิญให้อธิบาย “ฟีลิปจึงเริ่มเล่าจับต้นกล่าวตามพระคัมภีร์ข้อนั้น ชี้แจงถึงข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซู” (ข้อ 35)

การเริ่มต้นในจุดที่คนๆนั้นอยู่และประกาศอย่างเรียบง่ายในแบบที่ฟีลิปทำนั้น เป็นวิธีเล่าเรื่องพระคริสต์ที่เกิดผลได้ ขณะทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน ชายนั้นพูดว่า “นี่แน่ะ มีน้ำ” แล้วขอรับบัพติศมา (ข้อ 36) ฟีลิปทำตามที่ถูกขอ แล้วชายนั้นได้ “เดินทางต่อไปด้วยความพอใจ” (ข้อ 39) ฉันยินดีมากเมื่อชายที่เขียนอีเมลตอบกลับมาว่าเขาได้กลับใจ สารภาพบาปต่อพระคริสต์ ไปโบสถ์ และเชื่อว่าตนได้บังเกิดใหม่แล้ว ช่างเป็นการเริ่มต้นที่สวยงามจริงๆ! ขอพระเจ้าทรงนำเขาให้จำเริญมากยิ่งขึ้น!

การใช้ของประทาน

ในปี 2013 เดวิด ซูเชต์ นักแสดงชาวอังกฤษกำลังถ่ายทำละครโทรทัศน์ตอนสุดท้ายในบทของเฮอร์คูล ปัวโรต์ นักสืบชาวเบลเยียมผู้เป็นที่รักของอกาธา คริสตี้ และได้เล่นละครเวทีใน “บทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต[ของเขา]” ระหว่างงานในสองโครงการนี้ เขายังได้บันทึกเสียงการอ่านพระคัมภีร์ทั้งเล่ม ตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงวิวรณ์ รวมทั้งหมด 752,702 คำ ซึ่งใช้เวลากว่าสองร้อยชั่วโมง

ซูเชต์มาเป็นผู้เชื่อในพระเยซูหลังได้อ่านพระธรรมโรมจากพระคัมภีร์ที่เขาพบในห้องพักโรงแรม เขาเรียกโครงการนี้ว่า ความสำเร็จของ “ความทะเยอทะยานที่ยาวนาน 27 ปี ผมมีแรงผลักดันและได้ทำการศึกษาค้นคว้าพระคัมภีร์ทุกตอนจนรอแทบไม่ไหวที่จะเดินหน้าต่อ” จากนั้นเขาก็บริจาคเงินค่าจ้างของตัวเอง

งานบันทึกเสียงของเขายังคงเป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจในการถวายเกียรติแด่พระเจ้า โดยการเป็นผู้อารักขาและแบ่งปันของประทานนั้น เปโตรเรียกร้องในจดหมายให้ผู้เชื่อในศตวรรษแรกเป็นผู้อารักขาที่ดี แม้จะถูกข่มเหงเพราะนมัสการพระเยซูไม่ใช่ซีซาร์ แต่พวกเขากลับได้รับการท้าทายให้มุ่งความสนใจไปที่การมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้าด้วยการพัฒนาของประทานฝ่ายวิญญาณ “ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะพูด ก็ให้กล่าวเหมือนหนึ่งกล่าวพระภาษิตของพระเจ้า” (1 ปต.4:11) เราสามารถพัฒนาของประทานอื่นๆได้เช่นเดียวกัน “เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงได้เกียรติในการทั้งปวง โดยทางพระเยซูคริสต์”

ซูเชต์ถวายตะลันต์ความสามารถของเขาแด่พระเจ้า เราก็ทำได้เช่นกัน สิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าประทานให้กับคุณ จงใช้มันเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์

ความช่วยเหลืออันอัศจรรย์ของพระองค์

นายอำเภอประหลาดใจกับคำอธิษฐานที่มีประมาณ “แสนหรืออาจจะเป็นล้านคำอธิษฐาน” ซึ่งถูกยกขึ้นต่อพระเจ้า เพื่อให้ทรงช่วยจากไฟป่าตะวันออกที่โหมกระหน่ำเทือกเขาโคโลราโดในฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 เปลวไฟได้เผาผลาญพื้นที่ไปประมาณ 405 ตร.กม.ในเวลา 12 ชั่วโมง ป่าที่แห้งแล้งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี มันไหม้บ้านเรือนไป 300 หลังและเผาทำลายทั้งเมืองที่ขวางทาง จู่ๆก็เกิดสิ่งที่นักอุตุนิยมวิทยาคนหนึ่งเรียกว่า “พระเจ้าประทาน” ไม่ใช่ฝนแต่เป็นหิมะที่ตกลงมาในเวลาอันเหมาะเจาะ มันตกทั่วบริเวณที่ไฟลุกไหม้ ตกเร็วกว่าทุกปี หิมะเปียกท่วมสูงหนึ่งฟุตหรือกว่านั้นช่วยชะลอการลุกลามและดับไฟในบางพื้นที่

ความช่วยเหลือที่เปี่ยมด้วยพระเมตตานี้อัศจรรย์เกินจะบรรยาย พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานขอหิมะและฝนของเราไหม พระคัมภีร์บันทึกคำตอบมากมายของพระองค์ รวมทั้งหลังจากที่เอลียาห์รอคอยฝนด้วย (1 พกษ.18:41-46) เอลียาห์ผู้รับใช้ที่มีความเชื่อยิ่งใหญ่ เข้าใจถึงสิทธิอำนาจสูงสุดของพระเจ้าที่ทรงมีเหนือสภาพอากาศด้วย สดุดี 147 กล่าวถึงพระเจ้าว่า “พระองค์ทรงเตรียมฝนให้แก่แผ่นดินโลก” (ข้อ 8) “พระองค์ประทานหิมะอย่างปุยขนแกะ...ใครจะทนทานความหนาวของพระองค์ได้” (ข้อ 16-17)

เอลียาห์ได้ยิน “เสียงฝนกระหึ่มมา” แม้ก่อนที่เมฆจะก่อตัว (1 พกษ.18:41) ความเชื่อของเราในฤทธิ์อำนาจของพระองค์แข็งแกร่งเช่นนี้หรือไม่ พระเจ้าทรงเชิญให้เราวางใจไม่ว่าคำตอบของพระองค์จะเป็นเช่นไร เราสามารถมองที่พระองค์เพื่อทูลขอความช่วยเหลืออันอัศจรรย์จากพระองค์

ฝ่าพายุ

พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงพัดถล่มเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซีในเย็นวันที่ 3 เมษายน 1968 ศจ.ดร มาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์รู้สึกอ่อนล้าและไม่สบาย เขาไม่ได้เตรียมใจที่จะกล่าวสุนทรพจน์ที่เตรียมไว้ที่คริสตจักรเพื่อสนับสนุนคนงานขนขยะที่ประท้วงหยุดงาน แต่เขาต้องประหลาดใจกับโทรศัพท์ด่วนที่แจ้งว่ามีคนจำนวนมากได้ลุยฝ่าสภาพอากาศอันเลวร้ายมาเพื่อจะฟังเขา เขาจึงไปยังห้องโถงและพูดเป็นเวลาสี่สิบนาทีในหัวข้อ “ข้าพเจ้าได้ไปถึงยอดเขา” ซึ่งบางคนถือว่าเป็นสุนทรพจน์ที่ดีที่สุดของเขา

วันต่อมาคิงถูกลอบยิงและเสียชีวิต แต่สุนทรพจน์ของเขายังคงสร้างแรงบันดาลใจให้บรรดาผู้ถูกกดขี่มีความหวังใน “ดินแดนแห่งพระสัญญา” เช่นเดียวกับผู้ติดตามพระเยซูกลุ่มแรกๆที่ได้รับการหนุนน้ำใจจากข้อเขียนที่ทำให้ฮึกเหิม หนังสือฮีบรูได้ถูกเขียนขึ้นเพื่อหนุนน้ำใจผู้เชื่อชาวยิวที่กำลังเผชิญกับภัยคุกคามเพราะความเชื่อในพระคริสต์ และได้มอบกำลังฝ่ายวิญญาณอันเข้มแข็งไม่ให้พวกเขาสิ้นหวัง ดั่งคำเรียกร้องว่าจง “ยกมือที่อ่อนแรงขึ้น และจงให้หัวเข่าที่อ่อนล้ามีกำลังขึ้น” (12:12) ในฐานะชาวยิว พวกเขาจำได้ว่าคำวิงวอนนั้นแต่เดิมมาจากผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ (อสย.35:3)

แต่บัดนี้ในฐานะสาวกของพระคริสต์ เราได้ถูกเรียกให้ “วิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่กำหนดไว้สำหรับเรา หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์” (ฮบ.12:1-2) เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว เรา “จะได้ไม่รู้สึกท้อถอย” (ข้อ 3)

แน่นอนว่าพายุและฝนฟ้าคะนองรอคอยเราอยู่ในชีวิตนี้ แต่ในพระเยซู เราจะรอดพ้นมรสุมแห่งชีวิตได้โดยการยืนหยัดในพระองค์

ทรงสดับฟังเราจากสวรรค์

เมื่ออายุได้สิบแปดเดือนเมสันตัวน้อยไม่เคยได้ยินเสียงของแม่เลย แต่เมื่อแพทย์ใส่เครื่องช่วยฟังเครื่องแรกให้ และลอร์รินผู้เป็นแม่ถามว่า “ได้ยินแม่ไหมลูก” ตาของเด็กน้อยเบิกกว้าง “ว่าไงจ๊ะลูก” ลอร์รินพูดต่อ เมสันยิ้มและตอบสนองแม่ด้วยเสียงครางเบาๆ ลอร์รินร้องไห้ที่ได้เห็นการอัศจรรย์ เธอคลอดเมสันก่อนกำหนดหลังจากถูกมือปืนที่บุกรุกบ้านยิงสามนัด ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 450 กรัม เมสันต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดถึง 158 วัน และไม่คาดหวังว่าจะรอดชีวิต ยังไม่ต้องพูดถึงความสามารถในการได้ยิน

เรื่องราวที่ซาบซึ้งใจนี้ทำให้ฉันคิดถึงพระเจ้าผู้ทรงสดับฟังเสียงเรา กษัตริย์ซาโลมอนทรงอธิษฐานอย่างร้อนรนเพื่อพระกรรณของพระเจ้าที่คอยสดับฟัง โดยเฉพาะในเวลาที่มีปัญหา เมื่อ“ไม่มีฝน” (1 พกษ.8:35) ระหว่าง “การกันดารอาหารหรือโรคระบาด” ภัยพิบัติหรือความเจ็บไข้ (ข้อ 37) สงคราม (ข้อ 44) และแม้แต่ความบาป “ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของเขา และคำวิงวอนของเขาในฟ้าสรรค์” ซาโลมอนทรงอธิษฐานว่า “ขอทรงให้สิทธิอันชอบธรรมของเขาคงอยู่” (ข้อ 45)

ในความประเสริฐของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงตอบสนองด้วยพระสัญญาที่ยังคงปลุกเร้าจิตใจเรา “ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐาน และแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขา และจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย” (2 พศด.7:14) สวรรค์อาจดูเหมือนไกลแสนไกล แต่พระเยซูทรงอยู่กับผู้ที่เชื่อในพระองค์ พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของเราและจะทรงตอบ

ล้ำค่ากว่าทองคำ

เมื่อเอ็ดเวิร์ด แจ็คสัน นักล่าทองคำออกเดินทางไปแคลิฟอร์เนียในยุคตื่นทอง ของอเมริกา ในบันทึกประจำวันซึ่งลงวันที่ 20 พฤษภาคม 1849 เขาได้คร่ำครวญถึงความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางโดยรถม้าที่มีทั้งโรคภัยและความตาย “ได้โปรดอย่าทิ้งกระดูกของผมไว้ที่นี่” เขาเขียน “ถ้าเป็นไปได้ขอนำมันไปไว้ที่บ้าน” นักล่าทองคำอีกคนชื่อว่า จอห์น วอล์คเกอร์บันทึกว่า “นี่คือการเสี่ยงโชคที่บรรลุผลที่สุดเท่าที่คุณจะจินตนาการได้...ผมไม่อาจแนะนำใครให้มาที่นี่ได้”

ที่จริงแล้ววอล์คเกอร์กลับไปที่บ้านและประสบความสำเร็จในการทำเกษตร ปศุสัตว์ และการเมืองท้องถิ่น เมื่อสมาชิกในครอบครัวนำจดหมายเก่าเก็บของวอล์คเกอร์ไปออกรายการ เปิดกรุของเก่า ทางโทรทัศน์ของอเมริกา มันกลับมีมูลค่าหลายพันดอลลาร์ พิธีกรกล่าวว่า “เขาได้พบสิ่งล้ำค่าจากยุคตื่นทองจริงๆ นั่นคือจดหมายเหล่านี้”

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งวอล์คเกอร์และแจ็คสันกลับมาบ้านพร้อมด้วยปัญญาที่ทำให้พวกเขาดำเนินชีวิตในโลกของความเป็นจริงมากขึ้น ลองพิจารณาถ้อยคำแห่งสติปัญญาเหล่านี้ของกษัตริย์ซาโลมอน “มนุษย์ผู้ประสบปัญญา...เป็นสุขจริงหนอ ปัญญาเป็นต้นไม้แห่งชีวิตแก่ผู้ที่ยึดเธอไว้” (สภษ.3:13,18) ทางเลือกที่เปี่ยมด้วยปัญญา “ย่อมดีกว่าผลที่ได้จากเงิน และกำไรนั้นดีกว่าทองคำ” (ข้อ 14) จงทำให้ปัญญาเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าความปรารถนาใดๆในโลกนี้ (ข้อ 15)

“ชีวิตยืนยาวอยู่ที่มือขวาของปัญญา...และวิถีทั้งสิ้นของปัญญาคือสันติภาพ” (ข้อ 16-17) ดังนั้น ความท้าทายของเราคือการยึดปัญญาไว้ให้แน่น ไม่ใช่การยึดความปรารถนาที่ดูเรืองรอง เพราะนี่คือวิถีที่พระเจ้าจะทรงอวยพระพร

ระลึกถึงในคำอธิษฐาน

ที่โบสถ์ขนาดใหญ่ของชาวแอฟริกัน ศิษยาภิบาลทรุดตัวลงคุกเข่าอธิษฐานต่อพระเจ้า “โปรดระลึกถึงเรา!” ขณะที่เขาอธิษฐานอ้อนวอน ฝูงชนก็ตอบสนองโดยร้องว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดระลึกถึงเรา!” ตอนดูเหตุการณ์นี้จากยูทูป ฉันประหลาดใจที่ตัวเองก็ร้องไห้ตามไปด้วย คำอธิษฐานนี้ถูกบันทึกไว้เมื่อหลายเดือนก่อน แต่ทำให้ฉันย้อนนึกถึงช่วงวัยเด็กเมื่อได้ยินศิษยาภิบาลของครอบครัวเราวิงวอนต่อพระเจ้าในแบบเดียวกัน “ข้าแต่พระเจ้า โปรดระลึกถึงเรา!”

เมื่อได้ยินคำอธิษฐานนั้นตอนเป็นเด็ก ฉันเข้าใจผิดคิดว่าบางครั้งพระเจ้าคงจะลืมเรา แต่พระเจ้าทรงสัพพัญญู (สดด.147:5; 1 ยน.3:20) พระองค์ทอดพระเนตรดูเราอยู่เสมอ (สดด.33:13-15) และทรงรักเราเกินที่จะวัดได้ (อฟ.3:17-19)

ยิ่งไปกว่านั้น คำว่า ซากา ในภาษาฮีบรูแปลว่า “ระลึกถึง” เมื่อพระเจ้าทรงระลึกถึงเรา พระองค์จะกระทำการเพื่อเรา คำนี้ยังหมายถึงการกระทำในนามของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ดังนั้นเมื่อพระเจ้า “ระลึกถึง” โนอาห์กับ “บรรดาสัตว์ป่าและสัตว์ใช้งานที่อยู่กับโนอาห์ในนาวา” พระองค์จึง “ทรงทำให้ลมพัดมาเหนือแผ่นดิน น้ำก็ลดลง” (ปฐก.8:1) เมื่อพระเจ้า “ระลึกถึง” ราเชลที่เป็นหมัน จึงทรง “สดับฟังราเชล ทรงให้นางหายเป็นหมัน นางก็ตั้งครรภ์มีบุตรชาย” (30:22-23)

ช่างเป็นคำวิงวอนด้วยความไว้วางใจที่ยิ่งใหญ่เพื่อทูลขอพระเจ้าให้ระลึกถึงเรา! พระองค์จะตัดสินพระทัยเองว่าจะตอบอย่างไร อย่างไรก็ตามเราสามารถอธิษฐานโดยรู้ว่า คำทูลขอด้วยใจถ่อมของเราเป็นการขอที่ทำให้พระเจ้าทรงเคลื่อนไหว

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป นั่นเป็นการแสดงว่าท่านยอมรับ นโยบายการใช้คุกกี้ของเรา